วันที่: 2015-06-24 10:17:54.0
รังสีที่แผ่กระจายจากดวงอาทิตย์ ประกอบด้วยรังสีต่างๆ หลายชนิด ได้แก่ รังสีอินฟราเรด (Infrared light) แสงที่มองเห็นได้ (Visible light) และรังสีอัลตราไวโอเลต (Ultraviolet light; UV) โดยรังสีที่เป็นตัวการทำร้ายผิวของเราคือ รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ซึ่งแบ่งตามช่วงความยาวคลื่นได้ 4 ช่วง คือ
ยูวีเอ1 (UVA1) มีความยาวคลื่น 340-400 nm แสงช่วงนี้มีปริมาณมากที่สุดและทำร้ายผิวได้ลึกที่สุด ทำให้เกิดริ้วรอย ฝ้า กระและทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้
ยูวีเอ2 (UVA2) มีความยาวคลื่น 320-340 nm แสงช่วงนี้ทำให้เกิดผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระเป็นหลัก
ยูวีบี (UVB) มีความยาวคลื่น 290-320 nm แสงในช่วงนี้ทำให้เกิดผิวเกรียมแดด ผิวหนังอักเสบและทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้
ยูวีซี (UVC) มีความยาวคลื่น 200-290 นาโนเมตร แสงในช่วงนี้โดยมากจะถูกดูดซับโดยก๊าซโอโซนในบรรยากาศ จึงไม่สามารถผ่านมายังพื้นผิวโลกได้
ถ้าเทียบรังสี UV ทั้งหมดที่เข้ามาในโลกนี้ 100% จะเป็น UVB 5% เท่านั้น มีUVA2 20% และมี UVA 1 ถึง 75% ดังนั้น UVA 1 จึงมีความสำคัญมากในการทำให้ผิวของเราแก่ก่อนวัย แต่ครีมกันแดดส่วนใหญ่กลับไม่สามารถป้องกัน UVA1 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งคนส่วนใหญ่มักทาครีมกันแดดเฉพาะช่วงเช้าซึ่งไม่สามารถป้องกันรังสี UV ได้ตลอดทั้งวัน สเปรย์กันแดด CN จึงถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องนี้
ชนิดของรังสียูวีที่ก่อให้เกิดอาการที่ผิวหนัง
เนื่องจากแสงอัลตราไวโอเลตมีอันตรายต่อผิวหนังนี่เอง ทำให้ผลิตภัณฑ์กันแดด (Sunscreen) เป็นสิ่งจำเป็นต่อผิวของเราโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจะป้องกันรังสียูวี ปกป้องผิวจากผิวไหม้แดด ฝ้า กระ หมองคล้ำ ริ้วรอย ลดโอกาสเกิดมะเร็งผิวหนังได้
ระยะเวลากับรังสียูวีที่ผิวหนัง
Effect of Sun on Skin – The Ultimate Guide to Sunscreen
อ้างอิง :
https://www.youtube.com/watch?v=V46vfg-7dEI&list=PLk9lGsg0I7Lv_MYuFPmKYbf_ueFjvLIyh&index=3
(Youtube : ของ Michelle Phan)
ค่า SPF หรือ Sun Protective Factor คือ ค่าแสดงประสิทธิภาพของการปกป้องผิวจากรังสียูวีบีที่เป็นสาเหตุ ของความไหม้เกรียมจากสภาพผิวปกติ ตัวเลขที่แสดงค่า SPF นั้นได้จากอัตราส่วน ของระยะ เวลาที่ผิวหนังได้รับแสงแดดระหว่างผิวที่ทาสารกันแดดกับผิวที่ไม่ได้ทาสารกันแดดแล้วเกิดอาการแดงน้อยที่สุด
SPF = ระยะเวลาของผิวหนังที่ได้รับแสงแดดแล้วเกิดอาการแดงเมื่อทาสารกันแดด
ระยะเวลาของผิวหนังที่ได้รับแสงแดดแล้วเกิดอาการแดงเมื่อทาสารกันแดด
เช่น ถ้าพ่นสเปรย์กันแดด CN (Charites Nature) ที่ SPF 50 หมายความว่า ถ้าปกติเราทนแสงแดดได้นาน 15 นาที แต่ภายหลังพ่นสเปรย์กันแดด CN (Charites Nature) ที่มีค่า SPF 50 เราจะทนแดดได้นาน 15 * 50 นาที = 750 นาที ซึ่งเท่ากับ 12 ชั่วโมงครึ่งนั้นเอง แต่ในชีวิตจริงระหว่างวันคนทุกคนจะมีการเสียเหงื่อ มีการเช็ดหรือสัมผัสผิวหน้า ทำให้ครีมกันแดดที่ทาตั้งแต่ช่วงเช้าหลุดหายไปบางส่วน และเมื่อออกมาเผชิญกับแสงแดด ครีมกันแดดที่ทาช่วงเช้าก็จะเสื่อมประสิทธิภาพไปเรื่อยๆ การทาครีมกันแดดในตอนเช้าเพียงครั้งเดียวจึงไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะปกป้องผิวได้ตลอดทั้งวัน จึงควรใช้สเปรย์กันแดดที่ป้องกันได้ทั้งUVA1,UVA2,UVBและผสมสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงทุก 2 ชม. เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตารางที่ 2 แสดงค่า SPF และการป้องกันผิวหนังแดงจากแสงแดดชนิด UVB
PA หรือ Protection grade of UVA คือ ค่าแสดงประสิทธิภาพของการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ ซึ่งเป็นบ่อเกิดของ กระ ฝ้า และริ้วรอย ดังข้อมูลเปรียบเทียบด้านล่าง
PA+ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้ 2-4 เท่า ระดับน้อย
PA++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้ 4-8 เท่า ระดับกลาง
PA+++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้ 8-16 เท่า ระดับสูง
PA++++ หมายถึง มีประสิทธิภาพในการป้องกันรังสี UVA ได้ >16 เท่า ระดับสูงสุด
เช่น PA++ เป็นค่าที่บอกว่าผลิตภัณฑ์สามารถปกป้องผิวจาก UVA ได้ 4-8 เท่า เป็นต้น
สารกันแดดที่ดีที่สุด ต้องมีค่า SPF และ PA สูงๆใช่หรือไม่ ?
จะเห็นได้ว่าครีมกันแดดที่มีค่าSPF 50 PA+++ สามารถปกป้องผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมาะกับภูมิอากาศร้อนแดดแรงอย่างประเทศของเรา แต่ถ้าค่าSPFสูงมากกว่า50 หรือPAมากจนเกินไป จะสามารถป้องกันยูวีได้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ผิวของเราอาจจะเสี่ยงต่อการอุดตันมากขึ้นได้ และไม่ว่าSPFและPAจะสูงเพียงใด การทาครีมกันแดดตอนเช้าเวลาเดียวก็ไม่สามารถที่จะปกป้องเซลล์ผิวจากรังสียูวีได้ตลอดทั้งวันอย่างมีประสิทธิภาพ(ทำตัวเอียง) สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ควรใช้สเปรย์กันแดดที่ป้องกันได้ทั้งUVA1,UVA2,UVBและผสมสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงทุก 2 ชม. เพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในปัจจุบันมีการเลือกใช้สารเคมี 2 ประเภท ในการป้องกันรังสียูวี คือ
การใช้สารกันแดดควบคู่ไปกับสารลดเม็ดสีผิว (Whitening) จะช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้ดียิ่งขึ้นและการใช้สารกันแดดควบคู่ไปกับสารเพิ่มความชุ่มชื้น (Moisturizer) จะช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น ลดเลือนริ้วรอยจากผิวที่แห้งและบรรเทาอาการผิวหนังอักเสบได้
เอกสารอ้างอิง
1) Wilkinson, J.B. ; Moore, R.J: 7th edition 1982. Sunscreen, Suntan and Anti-sunburn Preparations. Harry's Cosmeticology : George Godwin London. p. 222-242.
2) Johnson, B.E. Changes in sunburn and mechanism of protection. Journal of Society of Cosmetic Chemists of Japan 978, 29 : 32-44
3) Balsam, M.S ; Sagarin Edward 2th edition 1927. Suntan Preparations Kreps Saual I ; Goldemberg Robert L. Cosmetics Science and Technology : United States of America. p. 254-256
4) ข่าวกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 รังสี ultraviolet กับมะเร็งผิวหนัง Chemical & Engineering news, Novenber 24, 1986.
5) Fitzpatrick TB ; Pathak Ma and Parrish J.A. Protection of the human skin against the effects of the sunburn UV (290-320 nm) In : Sunlight and man. Normal and abnormal photobiologic response. Pathak MA. Harber LC, Seije N et al (eds). University of Tokyo Press, Tokyo. 1970:751.
6) Blum, H.F. and Kirby Smith, J.S., Science, 1942, 96, 203.
7) Parrish JA ; White MB and Pathak MA, Photomedicine In : Dermatology in General Medicine. Fitzpatrick TB, Eisen AZ, Woff K, Freedberg IM, Austen KF. (2nd ed.), 1979 : 984.
8) Nater, J.P. ; De Groot A.C. 1983 Sun and Solaria Cosmetics. Unwanted Effects of Cosmetics and Drugs Used in Dermatology.
9) สุวรรณประกร พิชิต พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ. 2528. Depigmenting agents & Sunscreens. ตำรายาและวิธีการรักษาโรคผิวหนัง : บริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด กรุงเทพมหานคร หน้า 195-202.
10) Shaath, Nadim A. Edcyclopedia of UV Absorbers for Sunscreen Products. Cosmetics & Toiletries 1987, 102 : 21-36.
11) แนวทางในการใช้ Sunscreen. Clinical Practice Guideline for Sunscreen. นายแพทย์นภดล นพคุณ.
12) http://www.thaicosmetic.org
ทาง CN จึงได้ร่วมกับแพทย์ เภสัชกรและผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์บำรุงผิวคิดค้นสเปรย์กันแดดระหว่างวันนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่สามารถปกป้องผิวระหว่างวันได้อย่างมีประสิทธิภาพจากรังสี UVA1,UVA2,UVB ตอบสนองการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ที่ต้องแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง ทำให้ไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดระหว่างวันได้ และสเปรย์กันแดดจาก CN ยังสามารถแก้ปัญหาที่ครีมกันแดดแบบดั้งเดิมทำไม่ได้ ด้วยประสิทธิภาพและเทคโนโลยีที่เหนือกว่า
|
|
|