SunCat DE

เทคโนโลยีกันแดดขั้นสูงที่ชื่อว่า SunCat DE (Encapsulated organic sunscreen dispersion) เป็นเทคโนโลยีที่ผสานสารหลากหลายชนิดที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันรังสียูวีและต่อต้านอนุมูลอิสระ โดยการนำเอาสารกันแดดหลายชนิดมาทำให้เสถียรด้วยNano-technicologyบรรจุสารกันแดดในรูปของ Emulsion แบบ water/oil/water ทำให้สามารถป้องกันรังสี UVA1,UVA2และUVB ได้ยาวนานและปลอดภัย รวมทั้งไม่เกิดการระคายเคืองกับผิวที่บอบบาง

Lipobelle Glacier

(24h refreshing hydration with pure swiss glacier water encapsulated into liposomes)

เติมเสน่ห์แห่งความเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น กระจ่างใสดุจเกล็ดหิมะให้ผิวคุณ ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่เป็นมอยส์เจอไรเซอร์บริสุทธิ์ในรูปของ Liposome เพื่อการดูแลผิวอย่างสมบูรณ์แบบ

Lipobelle Glacier เป็นน้ำแร่บริสุทธิ์ที่คัดสรรจากแหล่งธารน้ำแข็งจากเทือกเขาแอลป์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ (Switzerland) บนความสูงมากกว่า 4,000 เมตร เก็บกักไว้ในรูปของ Liposome เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการนำพาความชุ่มชื้นสู่ผิวชั้นลึกได้มากกว่า ปกป้องเซลล์ผิวได้อีกขั้น และยืดอายุการบำรุงผิวให้ล้ำลึกและยาวนานตลอด 24 ชั่วโมง (24 h refreshing hydration and maintains the skin’s moisture all day long) นอกจากนั้น Lipobelle Glacier ยังสามารถปกป้องเซลล์ผิวจากภาวะ heat stress ได้ ซึ่งเหมาะกับผิวของคนไทยที่อยู่ในภูมิอากาศที่ร้อนแดดแรงเป็นอย่างยิ่ง (Helps to protect the skin cells on hot days)

Aloe vera

(The Miracle plant for your skin)

Aloe vera หรือ ว่านหางจระเข้ มีถิ่นฐานกาเนิดทางตะวันออกเฉียงใต้ ของแอฟริกา มีคุณสมบัติอันโดด เด่นในการบำรุงผิวพรรณนานัปการ

ประโยชน์ของ Aloe vera

(อ้างอิงจาก Journal of Pharmacognosy and Phytochemistry, Volume1 Issue4; Aloe vera: The Miracle Plant Its Medicinal and Traditional Uses in India; from www.Phytojournal.com)

• สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน (Collagen and Elastin) ที่จะเป็นตัวช่วยต่อต้านและชะลอริ้วรอยและความเหี่ยวย่นของผิวหนัง
• Aloe vera มีสารอะโลอิน (aloin) และสารอื่นๆ มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส (tyrosinase) จึงสามารถช่วยลดจุดด่างดำบนผิวหน้า ช่วยลดรอยหมองคล้ำ และปกป้องผิวจากการทำร้ายโดยรังสียูวีได้
• Aloe vera สามารถเร่งการซ่อมแซมเซลล์ผิว และให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้อย่างดีเยี่ยม เพื่อสุขภาพผิวที่ดี
• Aloe vera สามารถผลัดเซล์ผิวที่ตายแล้ว เพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่
• Aloe vera สามารถป้องกันการเกิดตุ่มสิวได้ดีสำหรับคนที่มีผิวมัน
• Aloe vera สามารถต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของชะลอริ้วรอยและความเหี่ยวย่นของผิวหนังได้
• นอกจากนั้น Aloe vera ยังเป็นแหล่งของสารวิตามินต่างๆของเซลล์ผิวด้วย เช่น วิตามินบี12และบีรวม, วิตามินเอ, วิตามินซี, วิตามินอี และกรดโฟลิค เป็นต้น

แม้แต่พระนางคลีโอพัตราผู้เลอโฉมยังทรงรักษาความงามและความมีเสน่ห์ของพระองค์ด้วยว่านหางจระเข้ด้วยเช่นกัน

http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2763764/

http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3611630/

http://www.greenmedinfo.com/blog/research-finds-aloe-vera-may-prevent-and-treat-skin-cancer

Vitis vinifera

(Potential Grape Seed Extract)

Grape seed extract (GSE) คือสารสกัดจากเมล็ดองุ่น ปกติได้จากเมล็ดขององุ่นแดง (Vitis vinifera)

สาระสำคัญที่มีประโยชน์ในเมล็ดองุ่น

คือ oligomeric Oligomeric Proanthocyanidin Complexes (OPC)
ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง (Super Antioxidation) เเละยังเสริมฤทธิ์การทำงานของวิตามิน C เเละวิตามิน E ช่วยป้องกันร่างกายจากอนุมูลอิสระ

ไม่ให้มาทำลายคอลลาเจน และอิลาสตินในผิวหนัง ทำให้ป้องกันผิวเสื่อมสภาพ ป้องกันริ้วรอยก่อนวัย และคงสภาพของเซลล์ผิวหนังให้แข็งแรง

Green Caviar Extract

Green Caviar Extract คือสารสกัดจากสาหร่ายพวงองุ่น (Caulerpa Lentillifera ) ความลับความงามจากท้องทะเลที่เกิดตามธรรมชาติแถบโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่นอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุนานาชนิดที่ช่วยในการบำรุง มอบความชุ่มชื้นกับเซลล์ผิว ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน เพิ่มความกระชับให้กับผิว โดยเพิมการผลิตองค์ประกอบหลักของผิวที่ Dermal Epidermal Junction (DEJ) จึงเสริมการทำงาน ลูมินิน-5 (laminin-5) และ คอลลาเจน 4 (collagen IV) ตัวยึดติดระหว่างผิวส่วนบนและส่วนล่าง เพื่อพยุงโครงสร้างของผิวหนังสูงสุด ทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียนชุ่มชื้น กระชับ และแลดูอ่อนเยาว์อ่อนเยาว์ขึ้นได้อย่างมหัศจรรย์

Nanogold Peptide

Nanogold Peptide --- เทคโนโลยีขั้นสูงที่ผสมผสานการทำงานร่วมกันระหว่างทองคำบริสุทธิ์ระดับนาโน กับอะมิโนเปปไทด์ จึงสามารถซึมสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ทองคำยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ(Anti-oxidant) เพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงผิว ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผิวเกิดการยกกระชับแข็งแรง ต่อต้านริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เม็ดสีผิวกระจายตัว อย่างสม่ำเสมอ ผิวจึงแลดูกระจ่างใสมากขึ้น ด้วยโมเลกุลเล็กระดับนาโนจึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการนำส่งอาหารและส่วนผสมสำคัญอื่นๆที่เป็นประโยชน์กับผิว ให้เข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น ทำให้บำรุงผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

Natural Arbutin

(Bearberry extract)

อาร์บูตินจากธรรมชาติ (Natural Arbutin)คือสารยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว(โดยไม่ทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี)ด้วยการออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์สำคัญที่กระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสี (เมลาโนไซท์) ผลิตเมลานินออกมา สกัดได้จากพืช Bearberry, cranberry, mulberry หรือ blueberry รวมถึงลูกแพร์ด้วย อาร์บูตินถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์เพื่อบำรุงผิวขาว (Skin Whitening Agent) โดย มี การศึกษาทางการแพทย์พบว่า Arbutin มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยยับยั้งการก่อตัวของเมลานิน ทำให้ผิวขาว สดใสขึ้น ลดเลือนจุดด่างดำ กระ ฝ้า ให้จางลง โดยไม่ทำร้ายโครงสร้างผิวจึงมีความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังไม่พบอาการระคายเคืองหรือผลข้างเคียงใด ๆ จึงเป็นที่นิยมกันอย่างมาก ในประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังสามารถฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดได้อีกด้วย

จากการศึกษาทางชีวเคมีโดยการใช้ เซลล์เพาะเลี้ยง B16 melanomaโดย แล็ปวิจัยของ ศูนย์วิจัย Shiseido การศึกษาการทำงานยับยั้งการเกิดเซลล์เม็ดสี ของ arbutin โดยการใช้ เซลล์เพาะเลี้ยง B16 melanoma (เซลล์ที่เกิดจากการเหนี่ยวนำให้เกิดขึ้นโดยสารที่ทำให้เกิดเม็ดสี) โดยความเข้มข้นที่มากที่สุดในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดสีคือ 5×10-5 โมล ที่ความเข้มข้นนี้ พบว่าการเจริญเติบโตของเซลล์เม็ดสี ลดลงถึง 39% เปรียบเทียบกับเซลล์เม็ดสีที่ไม่ได้รับ arbutin ดังนั้นแสดงว่า arbutin มีผลในการลดกระบวนการของเอมไซม์ tyrosinase (เอมไซม์ที่ทำให้เกิดเม็ดสี) และในขณะที่ arbutin ถูกใส่ใน เซลล์เพาะเลี้ยง B16 melanoma พบว่า arbutin ไม่ได้ถูกย่อยสลายไปเป็น hydroquinone เพราะฉะนั้นชัดเจนว่า กระบวนการยับยั้งเซลล์เม็ดสีเกิดจาก arbutin

Niacinamide

วิตามิน B3 หรือ Niacinamide หรือ Nicotinamide ช่วยลดการอักเสบ รอยดำ รอยแดงจากสิว ฝ้ากระ(hyperpigmentation) และริ้วรอย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดการผลิตน้ำมันของผิว จึงช่วยลดความมันบนใบหน้าได้อีกด้วย ทำให้ผิวแข็งแรงโดยการลดการระคายเคือง ช่วยสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้สีผิวสม่ำเสมอ ปรับผิวให้สว่างกระจ่างใสและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ที่สำคัญ Nicotinamide ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต (blood circulation) จึงมีผลทำให้ผิวดูใสอมชมพูขึ้น

ใน British Journal of Dermatology ปี 2005 ทดสอบโดยใช้ครีมที่ผสมสารกันแดด + Niacinamide 2% ผลก็คือสามารถลดเลือนจุดด่างดำได้ นอกจากนี้การทดสอบโดยใช้โมเดลจำลองยังพบว่า Niacinamide ลดเลือนจุดด่างดำด้วยการขัดขวางไม่ให้ melanosome ผ่านไปถึงเซลล์ผิว (ซึ่งต่างจากสารไวท์เทนนิ่งอื่น ๆ เช่น Hydroquinone และ Vitamin C ที่ขัดขวางเอมไซม์ Tyrosinase ไม่ให้สร้างเมลานินขึ้นมาตั้งแต่ต้น)

ใน Journal of Cosmetic Dermatology, 2004 ระบุว่า ช่วยเพิ่มระดับของ ceramide และระดับของกรดไขมันอิสระ(Free fatty acid) เพื่อเสริมความแข็งแรงของชั้น Lipid ที่เคลือบปกป้องผิว จึงสามารถลดการสูญเสียความชุ่มชื้นของผิว ในปีต่อมาได้มีการตีพิมพ์จากการทดสอบของชาวญี่ปุ่น International Journal of Dermatology, 2005 พบว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของ Nicotinamide 2% เป็นเวลา 4– 8 สัปดาห์ สามารถเพิ่มความชุ่มชื้นของชั้น Stratum corneum ได้ดีกว่า Petrolatum หรือวาสลีน นอกจากนี้ยังลดการสูญเสียน้ำของผิว(TEWL:Transepidermal water loss) ได้ด้วย ในขณะที่ Petrolatum ไม่สามารถทำได้ โดยไม่ก่อให้เกิดการอุดตันและเหนอะหนะเหมือน Petrolatum

ในเรื่องสิวมีการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ทำขึ้นโดย State University of New York โดยใช้ 4% Niacinamide Gel เปรียบเทียบกับ 1% Clindamycin Gel ว่าตัวใดจะมีประสิทธิภาพในการลดสิวอักเสบ (Inflammatory Acne) ได้ดีกว่ากัน หลังจากการทดสอบ 8 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า 4% Niacinamide Gel ให้ผลในการรักษาได้ถึง 82% ในขณะที่ 1% Clindamycin Gel ให้ผลการรักษาน้อยกว่าคือ 68% Niacinamideยังไม่ทำให้เชื้อดื้อยาเหมือนยากลุ่ม Antibiotic อย่าง Clindamycin และ Niacinamide ยังมีประโยชน์กับผิวในด้านอื่นๆ อีกด้วย clindamycin เป็นantimicrobial จึงอาจเกิดการแพ้และการดื้อยาได้ Niacinamide จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า Clindamycin

Vitamin C palmitate

เป็นอนุพันธ์ของวิตามินซีที่ละลายได้ดีในไขมันและดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดี ความคงตัวมากกว่าวิตามินซีในรูป L-ascorbic acid ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว งานวิจัยเกี่ยวกับการใช้วิตามินซีในเครื่องสำอางพบว่า วิตามินซีเมื่อออกฤทธิ์ที่ผิวหนังจะมีคุณสมบัติ ป้องกันผิวหนังจากการทำลายของแสง UV ยับยั้งการทำลายคอลลาเจนและ elastin เพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจน ช่วยชะลอความแก่ โดยวิตามินซีเป็นปัจจัยร่วมสำหรับ Hydroxylating enzyme หลายชนิดในร่างกายที่จำเป็นต่อการสังเคราะห์และเปลี่ยนแปลง โปรคอลลาเจน (Procollagen) ให้เป็นคอลลาเจน(Collagen) ทำให้ริ้วรอยจางลง ผิวยืดหยุ่นขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดการทำงานของเอนไซม์ Tyrosinase ที่ผลิตเม็ดสีผิวเมลานิน จึงสามารถลดจุดด่างดำที่ผิว รอยดำสิว ปรับผิวที่หมองคล้ำจากแสงแดดให้สว่างกระจ่างใส มีออร่า เนียน นุ่ม ลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ จากข้อมูลการศึกษาทางคลินิกพบว่า วิตามินซีมีคุณสมบัติเป็นสารต้ารอนุมูลอิสระ(anti-oxidant) และ ช่วยลดการอักเสบ(anti-inflammatory) โดยเมื่อทดลองในคนโดยทาสารละลายวิตามินซีความเข้มข้น 10 % นาน 5วันหลังจากผิวหนังถูกรังสี UV พบว่าวิตามินซีสามารถลดรอยแดงตรงตำแหน่งที่ทาได้ร้อยละ 50 เทียบกับบริเวณที่ไม่ได้ใช้อย่างมีนัยสำคัญ ในผู้ที่ภาวะการอักเสบอย่าง psoriasis และ eczema พบว่ามีอาการดีขึ้นหลังได้ทาสารละลายวิตามินซี ช่วยต่อชีวิตให้เซลล์ผิวโดยช่วยให้โปรตีนในเซลล์ผิวเกาะเกี่ยวกันได้ดีขึ้น ช่วยลดอาการที่เป็นผลมาจากสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียหลายชนิด นอกจากนี้วิตามินซียังเสริมการทำงานของวิตามินอีในการกำจัดอนุมูลอิสระอีกด้วย

L-Glutathione

(The Light of the skin)

L-Glutathione (แอลกลูต้าไธโอน) เป็นสารออกฤทธิ์ของกลูต้าไธโอน ดังนั้นจึงมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า แต่สรรพคุณเหมือนกัน แอลกลูตาไธโอนช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวโดยการยับยั้งเอนไซม์ Tyrosinase และกระตุ้นให้สร้าง Phaeomelanin (สีอ่อนขาวชมพู) มากกว่า Eumelanin (เมลานินสีคล้ำ) ผลของ Glutathione ในเรื่องความสว่างกระจ่างใสก็ต้องขึ้นกับสีผิวเดิมของผู้ที่เริ่มใช้ หากมีสีผิวอ่อนอยู่แล้วก็เห็นผลไว แต่หากมีสีผิวคล้ำเดิมต้องรอให้ร่างกายสร้างเม็ดสีอ่อนใหม่ และเซลล์ผิวเก่าที่มีสีคล้ำผลัดหมดก่อน หากคล้ำมากอาจใช้เวลาเป็นปี โดยสรุปแล้วผลของ Glutathione ทำให้ผิวสว่างกระจ่างใสขึ้น ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ และรอยดำจากสิว แอลกลูตาไธโอนยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant)ช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย ลดความเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกายรวมถึงเซลล์ผิว ทำให้ผิวเนียนกระจ่างใส เต่งตึงและเปล่งประกาย

Chamomile

(The Strong of the skin)

คาโมมายล์ (Chamomile) เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็กในตระกูลเดซี่ ดอกคาโมมายล์จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ จึงมีการนำมาใช้ในการทำกลิ่นบำบัดหรืออโรมาเธอราปีด้วยน้ำมันหอมระเหยจากคาโมมายล์ ช่วยผ่อนคลาย ทำให้หลับสบาย และมีประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้ผิวแก่ก่อนวัย เป็นที่ทราบกันดีว่าคาโมมายล์เป็นพืชสมุนไพรบำบัดที่ได้รับการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรยาวนานหลายพันปี ว่าช่วยเสริมสร้างสุขภาพ แต่คุณประโยชน์ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น คาโมมายล์ยังมีคุณสมบัติที่โดดเด่นในเรื่องการดูแลรักษาปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับผิวพรรณ โดยใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง จนเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีคุณสมบัติเป็นตัวช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์(antiseptics) และสมานแผล ช่วยทำให้ผิวอ่อนนุ่ม ลดการระคายเคือง ลดการอับเสบ (anti-inflammatory) ให้ความชุมชื้นกับผิว เป็น anti-oxidant ช่วยลดการบวม ช่วยทำความสะอาดรูขุมขน และช่วยในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ทำให้แข็งแรงขึ้น ลดอาการแดงที่ผิวทำให้หลอดเลือดแข็งแรง

ประโยชน์ของสารสกัดจากดอกคาโมมายล์จากธรรมชาติ

• •ปกป้องผิวจากมลภาวะ เพิ่มความแข็งแรง เนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ให้ความอ่อนโยน นุ่มนวล เย็นสบายให้กับเซลล์ผิว
• •มีสาร Bisabolol( Alpha-Bisabolol) ช่วยต่อต้านริ้วรอยแห่งวัย และช่วยในการซ่อมแซมผิว อีกทั้งช่วยลดการระคายเคืองและการอักเสบของปัญหาสิวและผิวพรรณจากสิ่งแวดล้อมและแสงแดด
• •ช่วยปรับสภาพผิว เพิ่มเรียบเนียนใส ลดรอยแผลเป็น และทำความสะอาดรูขุมขน
• •ใช้ได้กับทุกสภาพผิวและทุกปัญหาผิว

Blend of Propandiol with Salix alba extract

(100% Natural Preservative; ECOCERT certified ingredients)

Salix alba ถือเป็นพืชที่มีสารออกฤทธิ์ในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นการนำพืชชนิดนี้มาใช้ประโยชน์ในการเป็นสารถนอม (Preservative) ในเครื่องสำอาง จึงมีทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัย นอกจากนั้นยังมีความอ่อนโยนต่อผิวพรรณด้วย เนื่องจากเป็นสารที่มาจากธรรมชาติอย่างเช่นที่มีใน CN NanoWhite และ CN HydroBoost ซึ่ง Blend of Propandiol with Salix alba extract ที่นำมาเป็นสารถนอมใน CN NanoWhite และ CN HydroBoost นั้น ได้ผ่านการรับรองคุณภาพโดย ECOCERT จากประเทศฝรั่งเศส

สำหรับ ECOCERT เป็นเครื่องหมายรับรอง "มาตรฐานการควบคุมกำกับกระบวนการแบบอินทรีย์" ของประเทศฝรั่งเศส มีมาตรฐานเทียบเท่าและเป็นที่ยอมรับของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในผู้นำของตรารับรองมาตรฐานการใส่ใจธรรมชาติที่มชื่อเสียงในระดับสากล อันมีมาตรฐานที่เข้มงวดว่าคัดสรรและจะมอบตรานี้ให้เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพระดับสูงเท่านั้น

ทุกผลิตภัณฑ์จะต้องมีส่วนประกอบทั้งหมดที่ทำมาจากพืชมากกว่า 95% โดยไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคม และสารพิษทุกชนิดอย่างเด็ดขาด รวมทั้งสถานที่สำหรับการผลิตและการแปรรูป ต้องได้รับการควบคุมโดย ECOCERT เช่นกัน ด้านกระบวนการผลิตต้องไม่ทำลายบรรยากาศและสภาพแวดล้อม กรรมวิธีการกลั่นกำหนดให้ใช้ตามรูปแบบดั้งเดิมและไม่ใช้สารอื่นใดเจือปน เพื่อให้ได้เอสเซนเชี่ยลออยล์ที่บริสุทธิ์ ไม่เหลือสารเคมีตกค้างเหมือนกระบวนการผลิตทั่วไปที่จะเหลือของเสียปล่อยสู่แหล่งน้ำ ทำให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การบรรจุหีบห่อไไม่ว่าจะทำจากไม้หรือกระดาษก็ต้อสามารถรีไซเคิลได้ และนำมาจากสถานทีที่ได้รับตรารับรองจาก FSC(Forest Stewardship Council) หรือได้รับการรับรองจากหน่วยงานเพื่อนสิ่งแวดล้อมระดับสากล